ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านนานกเค้า ต.ห้วยยาง อ.เมือง จ.สกลนคร นับว่าประสบสำเร็จจากการวิจัยและศึกษาทางการเกษตร นำไปสู่การต่อยอดให้เกษตรกรได้กินดี อยู่ดี ตามรอยเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งสิ่งที่ได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างเด่นชัดก็คือ 3 ดำมหัศจรรย์ นั่นก็คือไก่ดำภูพาน หมูดำภูพานและวัวดำภูพาน สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับผู้เลี้ยงเป็นอย่างมาก ซึ่งวันนี้ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้เปิดตัวมหัศจรรย์ที่ 4 นั่นก็คือ กระต่ายดำภูพาน ซึ่งคาดหวังว่าจะเป็นสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ให้กับทางศูนย์ฯ ตลอดจนเกษตรกรที่สนใจ ไม่ว่าจะเป็นเลี้ยงเพื่อความสวยงาม หรือเลี้ยงเพื่อการค้า และเลี้ยงเพื่อการบริโภค
เมื่อกล่าวถึงกระต่าย หลายๆคนก็คงจะคิดถึงสัตว์ตัวเล็ก ๆน่ารัก มีขนปุกปุย กินผักกินหญ้า เป็นอาหาร แต่ในความเป็นจริงมุมหนึ่งของสังคมโลก กระต่ายก็คืออาหารชนิดหนึ่งของคนมาตั้งแต่บรรพกาลแล้ว เนื่องจากเนื้อกระต่ายมีรสชาติอร่อย เนื้อนุ่ม ขาวคล้ายๆเนื้อไก่ มีโปรตีนสูง ประเทศไทยมีกระต่ายสายพันธ์ท้องถิ่นหลายสายพันธ์ ลักษณเด่นกระต่ายสายพันธ์ไทย ขนจะสั้น มีหลากหลายสี ว่องไว ปราดเปรียว หูยาว หน้าแหลม เลี้ยงลูกเก่ง ตกลูกปีละประมาณ 6-8 ครอก โดยเฉลี่ย ครอกละ 5-10 ตัว ทนต่อสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้ดี กระต่ายไทยมีกล้ามเนื้อขาที่แข็งแรง สามารถกระโดดได้สูงเกิน 1 เมตร ตัวโตเต็มที่หนักจะอยู่ประมาณ 1-2 กิโลกรัม
นายสัตว์แพทย์ วิศุทธิ์ เอื้อกิ่งเพชร หัวหน้างานศึกษาและพัฒนาด้านปศุสัตว์ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อสนองพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม ราชกุมารี ให้สร้างแหล่งอาหารโปรตีนคุณภาพ ใช้ต้นทุนน้อยที่สุด ให้เด็กนักเรียนและประชาชน ศูนย์ศึกษษการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร จึงได้ริเริ่มโครงการ พัฒนากระต่ายเนื้อขึ้น เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกร มีอาชีพ มีรายได้ นอกเหนือจากการทำนา เลี้ยงสัตว์ โดยหลักของการพัฒนา ได้นำกระต่ายพันธ์ไทยเพศเมีย นำมาผสมกับพ่อพันธุ์กระต่ายยักษ์จากฝรั่งเศส ที่มีรูปร่างใหญ่ น้ำหนักประมาณ 7-8 กิโลกรัม
เพื่อปรับปรุงสายพันธุ์กระต่ายพันธ์ไทย พัฒนาให้มีโครงสร้างใหญ่ขึ้น แต่ยังคงความแข็งแรง เลี้ยงง่าย ทนต่อทุกสภาพอากาศได้ดี คุณภาพเนื้อมีรสชาติดีไม่มีกลิ่นสาบ อาหารที่ใช้เลี้ยงต้องหาง่าย เกษตรกรไม่เสี่ยงขาดทุน กระต่ายมีความน่ารัก จึงเกิดกระแสคัดค้านที่จะนำมาเลี้ยงขายเป็นเนื้อสัตว์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกระแสดรามาตามมา จึงให้เด็กนักเรียนที่แวะเวียนมาดูงานที่ศูนย์ฯ หลายกลุ่มเลือกกระต่ายที่ตัวเองชอบมาอุ้ม ผลปรากฏว่า เด็กเลือกอุ้มกระต่ายทุกสียกเว้นแต่เพียงกระต่ายสีดำ...ไม่มีเด็กคนไหนอุ้ม จึงสรุปว่า ถ้าจะส่งเสริมให้ชาวบ้านเลี้ยงกระต่ายขายเป็นเนื้อสัตว์ ต้องปรับปรุงพันธุ์กระต่ายให้ออกมามีขนสีดำเท่านั้น จึงออกมาเป็นผลสำเร็จ เรียกชื่อใหม่ว่ากระต่ายดำภูพาน
เราพัฒนาจากพันธุ์เยอรมันไจแอนท์ จนได้กระต่ายลูกผสม F4 คือ ได้กระต่ายรุ่นลูกที่มีขนาดใหญ่ขึ้น น้ำหนัก 4.5 กก. ซึ่งจากปกติกระต่ายพื้นเมืองจะหนักตัวละไม่เกิน 1-2 กก.เท่านั้น อายุ 1 เดือนสามารถขายได้ตัวละ 250 บาท เมื่อมีการชำแหละแล้ว จะมีการขายอยู่ที่ กก.ละ 200-300 บาท กระต่ายดำเนื้อภูพาน ยังมีคุณภาพเนื้อโปรตีนสูง ไขมันต่ำ มัดกล้ามเนื้อขนาดเล็ก ย่อยง่าย เหมาะกับกลุ่มคนรักสุขภาพ นักเพาะกาย และกลุ่มผู้สูงวัยมีปัญหาเรื่องระบบการย่อย วันนี้กระต่ายดำภูพาน พร้อมส่งเสริมให้ชาวบ้าน จ.สกลนคร นำไปต่อยอด เลี้ยง เพื่อสร้างอาชีพ รายได้แล้ว โดยผู้ที่สนใจสายพันธ์กระต่าย สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 042-747458 ต่อ 602 งานศึกษาและพัฒนาด้านปศุสัตว์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น