วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

มหัศจรรย์ที่ 4 "กระต่ายดำภูพาน" สุดยอดอาหารโปรตีน หวังเป็นสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่


ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านนานกเค้า ต.ห้วยยาง อ.เมือง จ.สกลนคร นับว่าประสบสำเร็จจากการวิจัยและศึกษาทางการเกษตร นำไปสู่การต่อยอดให้เกษตรกรได้กินดี อยู่ดี ตามรอยเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งสิ่งที่ได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างเด่นชัดก็คือ 3 ดำมหัศจรรย์ นั่นก็คือไก่ดำภูพาน หมูดำภูพานและวัวดำภูพาน สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับผู้เลี้ยงเป็นอย่างมาก ซึ่งวันนี้  ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้เปิดตัวมหัศจรรย์ที่ 4 นั่นก็คือ กระต่ายดำภูพาน ซึ่งคาดหวังว่าจะเป็นสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ให้กับทางศูนย์ฯ ตลอดจนเกษตรกรที่สนใจ  ไม่ว่าจะเป็นเลี้ยงเพื่อความสวยงาม หรือเลี้ยงเพื่อการค้า และเลี้ยงเพื่อการบริโภค
เมื่อกล่าวถึงกระต่าย หลายๆคนก็คงจะคิดถึงสัตว์ตัวเล็ก ๆน่ารัก มีขนปุกปุย กินผักกินหญ้า เป็นอาหาร  แต่ในความเป็นจริงมุมหนึ่งของสังคมโลก กระต่ายก็คืออาหารชนิดหนึ่งของคนมาตั้งแต่บรรพกาลแล้ว เนื่องจากเนื้อกระต่ายมีรสชาติอร่อย  เนื้อนุ่ม ขาวคล้ายๆเนื้อไก่ มีโปรตีนสูง ประเทศไทยมีกระต่ายสายพันธ์ท้องถิ่นหลายสายพันธ์  ลักษณเด่นกระต่ายสายพันธ์ไทย  ขนจะสั้น  มีหลากหลายสี ว่องไว ปราดเปรียว หูยาว หน้าแหลม  เลี้ยงลูกเก่ง ตกลูกปีละประมาณ 6-8 ครอก โดยเฉลี่ย ครอกละ 5-10 ตัว  ทนต่อสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้ดี  กระต่ายไทยมีกล้ามเนื้อขาที่แข็งแรง สามารถกระโดดได้สูงเกิน 1 เมตร ตัวโตเต็มที่หนักจะอยู่ประมาณ 1-2 กิโลกรัม 
นายสัตว์แพทย์ วิศุทธิ์ เอื้อกิ่งเพชร  หัวหน้างานศึกษาและพัฒนาด้านปศุสัตว์ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ  กล่าวเพิ่มเติมว่า  เพื่อสนองพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม ราชกุมารี ให้สร้างแหล่งอาหารโปรตีนคุณภาพ ใช้ต้นทุนน้อยที่สุด ให้เด็กนักเรียนและประชาชน  ศูนย์ศึกษษการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร จึงได้ริเริ่มโครงการ พัฒนากระต่ายเนื้อขึ้น เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกร มีอาชีพ มีรายได้ นอกเหนือจากการทำนา เลี้ยงสัตว์  โดยหลักของการพัฒนา ได้นำกระต่ายพันธ์ไทยเพศเมีย  นำมาผสมกับพ่อพันธุ์กระต่ายยักษ์จากฝรั่งเศส ที่มีรูปร่างใหญ่ น้ำหนักประมาณ 7-8 กิโลกรัม  
เพื่อปรับปรุงสายพันธุ์กระต่ายพันธ์ไทย  พัฒนาให้มีโครงสร้างใหญ่ขึ้น  แต่ยังคงความแข็งแรง เลี้ยงง่าย ทนต่อทุกสภาพอากาศได้ดี  คุณภาพเนื้อมีรสชาติดีไม่มีกลิ่นสาบ  อาหารที่ใช้เลี้ยงต้องหาง่าย เกษตรกรไม่เสี่ยงขาดทุน  กระต่ายมีความน่ารัก จึงเกิดกระแสคัดค้านที่จะนำมาเลี้ยงขายเป็นเนื้อสัตว์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกระแสดรามาตามมา จึงให้เด็กนักเรียนที่แวะเวียนมาดูงานที่ศูนย์ฯ หลายกลุ่มเลือกกระต่ายที่ตัวเองชอบมาอุ้ม  ผลปรากฏว่า เด็กเลือกอุ้มกระต่ายทุกสียกเว้นแต่เพียงกระต่ายสีดำ...ไม่มีเด็กคนไหนอุ้ม จึงสรุปว่า ถ้าจะส่งเสริมให้ชาวบ้านเลี้ยงกระต่ายขายเป็นเนื้อสัตว์ ต้องปรับปรุงพันธุ์กระต่ายให้ออกมามีขนสีดำเท่านั้น  จึงออกมาเป็นผลสำเร็จ เรียกชื่อใหม่ว่ากระต่ายดำภูพาน
เราพัฒนาจากพันธุ์เยอรมันไจแอนท์  จนได้กระต่ายลูกผสม F4  คือ  ได้กระต่ายรุ่นลูกที่มีขนาดใหญ่ขึ้น  น้ำหนัก 4.5 กก. ซึ่งจากปกติกระต่ายพื้นเมืองจะหนักตัวละไม่เกิน 1-2 กก.เท่านั้น  อายุ 1 เดือนสามารถขายได้ตัวละ 250 บาท เมื่อมีการชำแหละแล้ว จะมีการขายอยู่ที่ กก.ละ 200-300  บาท   กระต่ายดำเนื้อภูพาน ยังมีคุณภาพเนื้อโปรตีนสูง ไขมันต่ำ มัดกล้ามเนื้อขนาดเล็ก ย่อยง่าย เหมาะกับกลุ่มคนรักสุขภาพ นักเพาะกาย และกลุ่มผู้สูงวัยมีปัญหาเรื่องระบบการย่อย   วันนี้กระต่ายดำภูพาน  พร้อมส่งเสริมให้ชาวบ้าน จ.สกลนคร นำไปต่อยอด เลี้ยง เพื่อสร้างอาชีพ รายได้แล้ว  โดยผู้ที่สนใจสายพันธ์กระต่าย  สามารถติดต่อสอบถามได้ที่  โทร. 042-747458  ต่อ 602 งานศึกษาและพัฒนาด้านปศุสัตว์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น